ย้อนรอย กระเป๋า FREITAG นี้ที่ครองใจคน (ฮิปๆ) เกือบทั้งโลก
ใครจะคิดว่า “ผ้าคลุมรถบรรทุก” จะกลายมาเป็นผ้าใบกระเป๋า
“ยางในรถจักรยาน” จะมาเป็นชิ้นส่วนสำคัญ
เช่นเดียวกับ “ที่รัดเข็มขัด” จะมาเป็นล็อกกระเป๋าได้
ถ้าไม่เห็นด้วยตา ก็อย่าเพิ่งเชื่อค่ะ
นั่งทาแมชชีนย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 สองพี่น้องตระกูล Freitag (ไฟร-ทาร์ก) คำว่า FREITAG มีรากศัพท์มาจากภาษาเยอรมัน ดาเนียลเล่าอธิบายการออกเสียงของแบรนด์ให้ฟังว่า
“ถ้าพูดด้วยสำเนียงเยอรมันหรือสวิส จะออกเสียงว่า ‘ฟราย-ทาก’ แต่จริง ๆ แล้วจะอ่านว่าอะไรก็ได้ไม่ว่ากัน (หัวเราะ) ‘Freitag’ เป็นภาษาเยอรมันแปลว่า วันศุกร์ ซึ่งเป็นวันทำงานวันสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มวันหยุดสุดสัปดาห์ คนเรามีความรู้สึกดีๆ กับวันศุกร์อยู่แล้ว และคำนี้ก็ยังเป็นนามสกุลของผม ย้อนกลับไปตอนที่ผมกับพี่ชายพยายามหาชื่อเจ๋ง ๆ ให้กับแบรนด์ เราพยายามคิดชื่อใหม่ ๆ ขึ้น จนมีเพื่อนของเราคนหนึ่งบอกว่า ‘พวกนายมีชื่อที่ดีอยู่แล้ว ทำไมไม่ใช้เสียเลย’ เราก็เลยเรียกผลิตภัณฑ์ของเราว่า FREITAG ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
จากความคิดของสองพี่น้องดีไซน์เนอร์ มาคัส และ ดาเนียล ฟรายทาก (Markus and Daniel Freitag) โดยพวกเขาทั้งสองเกิดในครอบครัวแถบชนบท ส่งอิทธิพลให้ทั้งสองใส่ใจสิ่งแวดล้อมและรักธรรมชาติ จุดเริ่มต้นของไอเดียจริง ๆ เกิดในช่วงเริ่มทำงานแรก ๆ มาคัสเป็นนักออกแบบดิสเพลย์หน้าร้าน ส่วนคนน้องทำงานเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ สิ่งที่ประสบร่วมกันคือพวกเขาทั้งสองปั่นจักรยานไปทำงานทุกวัน และต้องทนกับฝนที่ตกเป็นประจำในนครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กระเป๋า Messenger Bag ที่มีขายในตลาดก็ไม่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งความทนทานและการกันฝนให้กับพวกเขา ดังนั้นเขาจึงเริ่มมองหากระเป๋าที่สะดวกสำหรับการปั่นจักรยาน โจทย์คือต้องทนทาน กันน้ำ และมีดีไซน์สวย สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจลงมือทำกระเป๋าในจินตนาการขึ้นเอง ซึ่งไอเดียมาหยุดลงตรงที่ผ้าใบคลุมรถบรรทุกที่เห็นอยู่ทุกวันจากวิวหน้าต่างห้องพัก ผ้าใบถูกนำมาทำความสะอาด ตัดเย็บในห้องพักของพวกเขา มาคัสเล่าว่า“ เราต้องการกระเป๋าที่แข็งแรงและกันน้ำ ในปี 1993 เรายังไม่มีอินเทอร์เน็ตที่จะใช้สืบค้นวัสดุที่ต้องการได้ บังเอิญที่วิวจากห้องครัวของเราทำให้เห็นรถบรรทุกและผ้าใบที่หมดอายุการใช้งานแต่สภาพยังดี แล้วหลังจากนั้นก็อย่างที่ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้ว ” (จากบทสัมภาษณ์ในนิตยสาร a day BULLETIN ฉบับที่ 431)
จากจุดเริ่มต้นเมื่อยี่สิบปีก่อน สองพี่น้องตระกูล Freitag ก็ให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่า จะสร้าง แบรนด์สินค้าของตนจากขยะรีไซลเคิลทั้งหมด ให้กลายมาใช้ประโยชน์ได้จริง จึงทำให้โรงงานของ Freitag ที่ชื่อว่า F-actory มีกระบวนการผลิตที่ต่างจากโรงงานผลิตกระเป๋าทั่วไป ผ้าคลุมรถบรรทุกกว่า 350 ล้านตัน ถูกส่งเข้ามาที่โรงงานของ Freitag ในแต่ละปี ทุกผืนถูกล้างด้วยน้ำฝนที่ตกจากฟ้า (เรียกได้ว่ารีไซเคิลทุกขั้นตอนกันเลยละค๊า) ของเมืองซูริค ผ่านแทงค์เก็บน้ำ และเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ หลังจากคราบไคลหมดสิ้นไป ผ้าใบก็จะถูกส่งไปที่แผนกดีไซน์ ซึ่งจะตัดต่อผ้าใบให้กลายเป็นกระเป๋ารูปแบบต่าง ๆ กว่า 40 ชนิด
ซึ่ง กระเป๋าทุกใบมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เสน่ห์ที่สำคัญของกระเป๋า FREITAG นอกเหนือไปจากการนำวัสดุเหลือใช้มาทำประโยชน์สูงสุดแล้วนั้น ยังมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่เหมือนกันในแต่ละใบ ผ้าใบจากรถบรรทุกแต่ละผืนล้วนมีร่องรอยแตกต่างกัน ลวดลายที่เกิดขึ้นบนกระเป๋าจึงไม่สามารถคาดเดาได้ ทำให้ผู้ที่ครอบครองรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้คนเดียวในโลกพูดง่าย ๆ คือ ไม่มีสักใบที่จะเหมือนกัน ( คุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปสุด ๆ ไม่มีใครเหมือนฉันและฉันก็ไม่เหมือนใครไปอี๊กกก ) โดยสองพี่น้องเข้าใจจุดนี้หลังจากได้ชมภาพยนตร์ Wild at Heart ของ David Lynch ซึ่งตัวเอกในเรื่องกล่าวประมาณว่า ‘เสื้อแจ็กเก็ตหนังงูคือสิ่งที่แสดงความเป็นตัวตนของผม’ แน่นอนสองพี่น้องนำความอยากแตกต่างของคนยุคนี้มาใช้ ซึ่งคุณลักษณะเช่นนี้ถูกจริตกับกลุ่มคนที่นิยมอัตตาลักษณ์ของตัวเอง เช่น ศิลปิน วัยรุ่น และแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก จนทำให้บางคนหลงใหลแบรนด์นี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นบางคนถึงกับมีสะสมมากถึง 300-400 ใบเลยทีเดียว
เรียกว่าเป็นอิภิมหาอลังการดาวล้านดวงในความเป็นสตอรี่ ถึงกับต้องร้องว้าวววว!!! กันเลยใช่มั๊ยละคะ คอนเซ็ปต์แบรนด์มันโคตรเก๋ และปรัชญาอันแรงกล้าที่สตรองแบบสุดๆ วัสดุที่ใช้ทำให้กระเป๋าใบนี้แข็งแรงยิ่งกว่าใบใดในโลก ทนกว่าควายสิบตัวรวมกันนน ถ้าสิบล้อยังใช้ผ้าใบปกป้องของได้ FREITAG ก็ใช้ได้ยันชั่วลูกชั่วหลาน ส่งต่อเป็นมรดกได้อี๊กก เป็นใบเก่าแต่ยังเก๋านะจ้ะเพราะมีใบเดียวในโลก ทนทานแบบเพอร์เฟคแล้วยังอัลลิมิเต็ดอิดิชั่น ทำให้กระเป๋า FREITAG ครองใจคน(ฮิปๆ)เกือบทั้งโลก สำหรับสาวกชาวไทยคนรัก FREITAG อยากมีไว้ครอบครอง ร้านรับฝากซื้อเขามีบริการด้วยน๊า ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วคลิ๊กหลายครั้งที่ คนเราคิดเล็ก แต่กลับได้ฝันก้อนใหญ่ หรือบางคนคิดใหญ่ แต่ได้ฝันก้อนเล็ก … แต่ที่สุดแล้ว ก็คือการลุกขึ้นมาทำให้ฝันเป็นจริงเป็นที่สำคัญที่สุด ถ้าไม่อยากคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องไม่อยากตกเทรนต้องมีพกไว้ข้างกายสักใบกันนะค๊า ต้องลองแล้วจะหลงรัก FREITAG
ขอยกย่อง FREITAG แบรนด์กระเป๋ารักษ์โลกที่ยังครองใจคน(ฮิปๆ)เกือบทั้งโลกจวบจนปัจจุบันนี้
- Published in ถูกใจขาช็อป
20 อันดับฟิกเกอร์ที่เห็นแล้วกระเป๋าตังค์สั่น 11 ริกเตอร์!!
1.Nisekoi: Seishiro Tsugumi 1/7 (Japan) ขนาดโดยประมาณ 23 x 6.4 x 3.8 ซม.
เสนอราคาโดยประมาณ 8,787 เยน
2. Starting Life in Another World- Rem Birthday Cake 1/7 Complete Figure ขนาดความสูงโดยประมาณ 13 ซม.
เสนอราคาโดยประมาณ 11,500 เยน
3. Fate/Grand Order – Mash Kyrielight – 1/7 – Grand New Year ขนาดความสูงโดยประมาณ 28 ซม.
เสนอราคา 14,259 เยน
4. Blend S – Sakuranomiya Maika – 1/8 ความสูงโดยประมาณ 14.30 ซม. เสนอราคา 11,111 เยน
5. Fate/Stay Night Saber (England Journey) 1/7 Scale Figure ความสูงโดยประมาณ 23 ซม
6. 4-LEAVES TONY’S HEROINE COLLECTION 1/6 SCALE ความสูงโดยประมาณ 14 ซม.
เสนอราคา 13,800 เยน
7. Armor Girls Project: Super Sonico With Super Bike Robot (10th Anniversary) “NITRO SUPER SONIC (NSS) ความสูงโดยประมาณ 14 ซม. เสนอราคา 11,700 เยน
8. Portrait Of Pirates: One Piece Nami BB Limited Edition ความสูงโดยประมาณ 12.5 ซม.
9. Portrait.Of.Pirates One Piece “LIMITED EDITION” Tadashi Ver.BB_WHITE
ความสูงโดยประมาณ 12.5 ซม. เสนอราคา 9,504 เยน
10. Kobayashi-san chi no Maid Dragon – Tooru – 1/6 – Swimsuit ver. (FOTS Japan)
ความสูงโดยประมาณ 28 ซม. เสนอราคา 13,800 เยน
11. Miho Nishizumi Senshado Zenkoku Koukousei Taikai Winning Flag 1/7 ความสูงโดยประมาณ 34 ซม.
12. Jibril: Great War ความสูงโดยประมาณ 15 ซม. เสนอราคา 18,144 เยน
13. Nendoroid Sora (Kingdom Hearts) ความสูงโดยประมาณ 10 ซม. เสนอราคา 5,000 เยน
14.FATE/GRAND ORDER – FIGURE SHIELDER MASH KYRIELIGHT, AVAILABLE IN CLASSIC
OR LIMITED EDITION ความสูงโดยประมาณ 22 ซม.
15. Fate/Grand Order Lancer (Medusa) 1/7 Scale Figure
ความสูงโดยประมาณ 22 ซม. เสนอราคา 16,000 เยน
16. One Piece – Charlotte Katakuri – Portrait Of Pirates “SA-MAXIMUM” (MegaHouse)
ความสูงโดยประมาณ 23 ซม. เสนอราคา 17,500 เยน
17. Hatsune Miku: Vintage Dress Ver. 1/7 Scale Figure
ความสูงโดยประมาณ 25 ซม. เสนอราคา 16,800 เยน
18. Nendoroid DARLING in the FRANXX Zero Two ความสูงโดยประมาณ 10 ซม. เสนอราคา 5,000 เยน
19. Darling in the Franxx Zero Two 1/7 Scale Figure
ความสูงโดยประมาณ 16.50 ซม. เสนอราคา 10,800 เยน
20. Sword Art Online the Movie: Ordinal Scale – “The Flash” Asuna 1/7 Complete Figure
ความสูงโดยประมาณ 20 ซม. เสนอราคา 17,064 เยน
- Published in ถูกใจขาช็อป
จากรู่นสู่รุ่น กับ Converse All Star
จากรุ่นสู่รุ่น กับ Converse all star
เสื้อยืด กางเกงยีนขาดๆ และรองเท้า Converse ดูจะเป็นสไตล์การแต่งตัวที่มีความชิคอย่างเป็นอมตะ แม้ว่าจะผ่านมาถึง 108 ปีแล้ว แต่ รองเท้า Converse ก็ยังครองใจคนทั้งโลกกันอยู่ วันนี้แอ๊ดเรยขอเสนอออออออ (คิดภาพว่ากำลังทำเสียงเหมือนการ์ตูนโดราเอม่อน 5555++) ตอนนนน ความเป็นมาของรองเท้า Converse..เวิด..เวิด..เวิด..ดดดด ( มีเสียงแอ๊คโค่..นิดหน่อย..)
รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส มีต้นกำเนิดในปี 1908 ที่รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้ก่อตั้งที่ชื่อว่า Marquise Mills Converse ซึ่งขณะนั้นมีอายุ 46 ปี (แค่เริ่มก่อตั้งก็ไม่วัยรุ่นแล้ว) เดิมทีพวกเขาเป็นแบรนด์ที่ทำรองเท้ายาง (Rubber Shoes) สำหรับใส่กันหนาว เรียกว่าไม่มีเค้าความเป็น Converse ยุคปัจจุบันที่เราเห็นๆกันเลยสักกะนิด สิบปีต่อมาในปี 1917เป็นช่วงเวลาที่รองเท้าเล่นกีฬากำลังเริ่มเป็นที่ต้องการในตลาด Converse เองก็พลิกตัวทำรองเท้าเล่นฟุตบอลและเน็ตบอลออกมากับเขาเหมือนกันในชื่อ “Converse All-Star” จนมาดังพลุแตก
ในวันที่นาย Charles Hollis “Chuck” Taylor นักกีฬาบาสเกตบอลเข้ามามีส่วนร่วมในบริษัท ผู้คิดค้นการติดสัญลักษณ์รูปดาวตรงข้อเท้า ถือกำเนิดรองเท้า Converse Chuck Taylor All-Star ทรงหุ้มข้อที่เราคุ้นตากันดีถึงทุกวันนี้ …สิ่งสำคัญที่ Chuck เข้ามาออกแบบให้ในแง่ความเป็นรองเท้ากีฬาก็คือ การเปลี่ยนพื้นรองเท้าที่ช่วยทำให้สามารถเคลื่อนไหวกระโดดหรือวิ่งได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และจุดเล็กๆน้อยๆที่ถือเป็นความฉลาดของรองเท้า Chuck Taylor มากๆ คือการดัดแปลงนำเอารูร้อยเชือกรองเท้ามาเพิ่มไว้ตรงส่วนด้านข้างสองรู เพื่อช่วยในการระบายอากาศไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดเวลาที่นักกีฬาต้องใส่เล่นบาสนานๆ (ใครเคยสงสัยมั้ย?? ว่ามันมีเอาไว้ให้เชือกที่ไหนร้อยนะ) กลายเอกลักษณ์ที่มองเห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็น Converse
หลังจากการเกิดขึ้นของรุ่น “Chuck Taylor All-Star” ด้วยความเป็นรองเท้าที่เข้าใจหัวอกนักบาสอย่างดีนี่เอง ทำให้ชื่อ Converse เขยิบขึ้นเป็นรองเท้าบาสขายดีแซงหน้าแบรนด์อื่นๆในเวลานั้นขาดลอย… อย่างใน Olympicปี 1936 เป็นปีที่เพิ่งมีการแข่งขัน Basketball เป็นครั้งแรก เชื่อไหมว่านักบาสอเมริกันทุกคนใส่ All-Star สุดแสนจะผูกขาดและสามัคคีอย่างแท้ทรู! นอกจาก Converseในยุคแรกๆจะมี Chuck Taylor All-Star เป็นรุ่นยอดฮิตของพวกเขาแล้ว พวกเขายังมีอีกหนึ่งไม้ตายเด็ด เป็นรุ่นที่ตีคู่กันมาติดๆเลยก็คือ “Jack Purcell” ออกแบบโดยนาย John Edward “Jack” Purcell แชมป์โลกแบดมินตันในเวลานั้น …เดิมที Jack Purcellเป็น
รองเท้าผ้าใบของบริษัท B.F.Goodrich แล้วภายหลัง Converse ค่อยไปซื้อลิขสิทธิ์มาเป็นของตัวเอง …ก้าวสำคัญครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมากถึงมากที่สุด เพราะด้วยดีไซน์ความเรียบง่ายกับเอกลักษณ์พื้นรองเท้าสีฟ้าอ่อนและขีดดำหัวรองเท้าที่มีแต่คนหลงใหล ทำให้ Jack Purcell คืออีกหนึ่ง Converse ที่คนชอบใส่ไม่แพ้ Chuck Taylor All-Star เลยทีเดียว ตั้งแต่นั้นมาอิทธิพลของรองเท้า Converse ที่มีต่อคนหนุ่มและเด็กวัยรุ่นในแต่ละยุคสมัย เหล่า Pop Icon ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดงหรือ Rock Starต่างก็นิยมใส่รองเท้าConverse กัน แม้ว่าการเลือกใส่รองเท้าผ้าใบแม้จะดูไม่เป็นทางการก็จริง แต่มันทำให้เกิดลุคที่ใส่ออกมาแล้วดู หล่อ เท่ในแบบสบายๆ ไม่เนี๊ยบจนเกินไป ยิ่งพอมี Icon ที่เป็น Badboy แห่งยุคอย่าง “James Dean” และสัญลักษณ์ความเท่อย่าง “Steve McQueen” หยิบ Jack Purcell มาใส่เท่านั้นล่ะ… เลยเกิดเป็นกระแสการใส่รองเท้าผ้าใบกันครั้งใหญ่ เหมือนเป็นการเปิดตัวให้โลกได้รู้จักรองเท้า Converseในแง่ Itemหลักของสไตล์และแฟชั่นแบบจริงจัง ไม่ใช่เพียงรองเท้าที่เอาไว้สำหรับเล่นกีฬาเหมือนแต่ก่อนเท่านั้น
พอถัดมาช่วงปี 60’s ถึง 70’s …กับแฟชั่นกางเกงยีนส์ขาม้าขากระดิ่งทั้งชายและหญิงที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าไม่เลือกเดินเท้าเปล่า… รองเท้าผ้าใบที่เหล่าบุปผาชนเลือกใช้กันต้องเป็น Converse แน่นอน เอาง่ายๆดูอย่างศิลปินรุ่นใหญ่ในยุคนั้น ”George Harrison” มือกีตาร์แห่งวงสี่เต่าทอง “The Beatles” ที่เป็นเหมือนต้นแบบจุดประกายให้กับนักดนตรีหลายๆคน กระโดดมาต่อกันในช่วงเข้าสู่ยุค 80’s ซึ่งเป็นยุคของชาว “Punk” คุณอาจคิดว่าลุคชาวพังค์เขาต้องมาพร้อมกับบู๊ทหนังหรือพวกรองเท้า Combat ขอบหนาๆใช่ไหม? แต่หารู้ไม่ว่าตัวพ่ออย่าง Sid Vicious แห่งวง The Sex Pistol เขาก็เลือกใส่รองเท้าผ้าใบ Converse เท่ๆเหมือนกัน! มาต่อกันที่ ปี 90’s กับการกำเนิดของดนตรีทางเลือก ไม่มีใครไม่รู้จักนาย “Kurt Cobain” นักร้องนำแห่งวง Nirvana หนุ่มผมบลอนด์รูปหล่อ ผู้นำแฟชั่นกางเกงยีนส์ขาดๆใส่คู่กับ Converse Chucks Taylor สีดำหุ้มข้อสุดจะ Grunge สุดจะเขรอะของเขาออกมาให้ชาวโลกได้เห็น แสดงความเป็นเจ้าพ่อแห่งยุค Alternative ได้อย่างคลาสสิคจริงๆ
มาถึงรองเท้า Converse ในยุคปัจจุบัน พวกเขาก็ยังคงไม่หยุดอยู่กับที่ขยันพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆเกิดเป็น Converseลายใหม่ๆมากมาย และด้วยความที่โลกเป็นยุคโลกาภิวัฒน์ ทั้งโลกถูกบีบให้แคบลง เพื่อลดต้นทุน… ฐานการผลิตจึงถูกกระจายไปทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็มี “Converse Made in Thailand” ของบ้านเราอยู่ด้วย แต่ประเทศที่เห็นจะพิเศษกว่าใครเพื่อนคือไลน์การผลิต Made in Japan คนที่เล่นรองเท้าผ้าใบจะรู้กันดีว่า Converse Made in Japan ต่างกับประเทศอื่นตรงที่ พวกเขาตั้งตนเป็นแบรนด์ต่างหากของตัวเอง เพียงแต่ยังใช้ชื่อและลิขสิทธิ์ของแบรนด์เท่านั้น รองเท้า Converse ที่ผลิตจากญี่ปุ่น จะใช้วัสดุดี ผลิตจำนวนน้อย มีลายเฉพาะรุ่นที่ไม่มีใครเหมือน แถมยังทำให้ดูหายากเข้าไปอีกด้วยการวางขายเฉพาะที่แดนอาทิตอุทัยประเทศญี่ปุ่นเพียงที่เดียว (แต่ถ้าใครอยากมีไว้ครอบครองก็สามารถสั่งได้จากเวปรับหิ้วของญี่ปุ่นได้นะ) ถือเป็นอีกหนึ่งสายที่เหล่านักสะสมชื่นชอบและตามหาเก็บกันไม่แพ้พวก Made in USA และพวก Deadstock รุ่นวินเทจกันเลยทีเดียว
อ่านกันมาถึงขนาดนี้ เชื่อว่าหลายคนคงคิดถึงรองเท้า Converse กับร่องรอยอารยะธรรมของตัวเองกันแล้วหละสิ ( จิงๆมันมีเส้นบางๆกั้นอยู่ระหว่างคำว่า เซอๆ กับ สกปรก นะ 555+++) ว่าแล้วก็…ไปหยิบมาใส่กันเหอะ….แฟชั่นนิสต้าจงเจริญ…ฮู้..วว…วววว…
- Published in ถูกใจขาช็อป
อัพเดท Cosmetic Items ปี 2018
อัพเดท Cosmetic Items ปี 2018 กันหน่อยเจ้าค่ะออเจ้าทั้งหลาย ในบ้านเราตอนนี้ถือว่ามีแบรนด์เครื่องสำอางเกิดใหม่อยู่มากขึ้นกว่ายุคก่อนๆนี้มาก แต่ว่าก็ว่าเถอะ เราก็ยังคงไว้ใจและเชื่อในCosmeticของญี่ปุ่นอยู่ดี ด้วยความคุณภาพคัพแก้วแต่ราคากันเอง อย่างที่เห็นในshop daiso หรือร้าน 60 บาท ที่มาเปิดสาขามากมายในบ้านเรานี่แหละ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร รวมไปถึงสินค้ากลุ่ม Cosmetic ต่างๆที่ราคาเริ่มต้นเพียง 60 บาท ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ล้างหน้า กันแดด รองพื้น และอื่นๆอีกจำนวนมากนี่แค่เราเห็นในบ้านเราเท่านั้นนะ ครั้งนี้แอ๊ดเลยขอทำการบ้าน รวบรวมเหล่ากองทัพ Cosmetic Items กันแบบจุใจเอาให้ครอบคลุมทุกอย่าง ที่แต่ละอันต่างฮอตฮิตครองใจสาวญี่ปุ่นหลายๆอัน ทั้งราคายังดีงาม คุณภาพคัดเน้นๆ ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะพวกร้านขายยาที่โปรโมชั่นดุเด็ดเผ็ดมันส์ตามไปดูกันว่า Cosmetic Item ปี 2018 มีอะไรน่าใช้บ้าง
1. หัวเชื้อไฮยาลูรอน Taiyou No Aloe Hyaluronic Acid
หัวเชื้อไฮยาลูรอนที่มีระดับความเข้มข้นสูงมากๆ ไม่ว่าจะรูขุมขนกว้าง ริ้วรอย รอยดำจากสิว จุดด่างดำ พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวมากกว่าคอลลาเจนถึง 16 เท่า สามารถใช้ร่วมกับเครื่องสำอาง โทนเนอร์ โลชั่น ลิป และมาร์ค everything จิงเกอเบล..เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้มันดีขึ้นไปอี๊กกกก ถ้าคุณกำลังมองหาตัวช่วยที่จะทำให้ผิวพระจันทร์บนหน้าหายไป ตัวนี้ช่วยได้นาจา หน้าเนียนกริ๊บ…จีจี
สนนราคาอยู่ที่ : 10 ml ราคา 500 เยน
2. เจลบำรุงผิว Hatomugi Naturie Skin Conditioning Gel
ตัวนี้นี่จัดมาเอาใจคนผิวแห้งโดยเฉพาะเรยนะ จิงๆสาวไทยส่วนใหญ่ผิวมัน เรยไม่ค่อยมีผลิตภัณฑ์สำหรับคนผิดแห้งซักเท่าไหร่ แนะนำเจลบำรุงผิว Hatomugi Naturie Skin Conditioning Gel สำหรับคนที่ผิวแห้ง เจอแดดทำร้าย แถมยังเป็นสิวอีก ต้องตัวนี้เลยเนื้อเจลไม่เหนอะหนะเลยซักนิด ซึ่งสารสกัดหลักๆมาจากลูกเดือยพร้อมสารสกัดธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิวมากๆคนที่ผิวแพ้ง่ายนี่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะปราศจากสารที่ทำให้ผิวระคายเคืองทั้งปวงไม่ว่าจะ สี กลิ่น สาวๆขี้แพ้ สบายใจได้จร๊า..
สนนราคาอยู่ที่ : 180 ml ราคา 972 เยน
3. เซรั่มเนื้อเจล Shiseido Elixir Superieur Sleeping gel pack W
เซรั่มเนื้อเจลบางใสที่โดดเด่นด้านการต่อต้านริ้วรอยมาก เป็นมาส์กที่ทาก่อนนอนปุ๊บตื่นมาปิ๊งปั๊บ มันจะฟินยิ่งกว่าเจ้าหญิงใน Sleeping Beauty ที่ตื่นขึ้นมาเพราะโดนเจ้าชายจูบเสียอีก ถ้าตอนนี้ผิวหน้าเป็นริ้วยิ่งกว่ากระโปรงอัดพลีท อย่ารอช้าเร่งรีบไปคว้ามาใช้โดยเร็วพลัน ชักช้าไป…หน้ายิ่งแก่นะเออออออ.. แล้วจะหาว่าแอ๊ดไม่เตีอน…น..
สนนราคาอยู่ที่ : 2,800 เยน
4. Nature Conc Medicated Clear Lotion
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าน้องใหม่ราคาเบาๆแต่คุ้มค่าเกินราคา ทั้งช่วยขจัดเซลผิวเก่า กระชับหน้า และยังช่วยเรื่องสิวอุดตันอีกด้วย สาวๆญี่ปุ่นจัดว่าชอบมากกกก และก็น่าจะทำให้สาวไทยหลงรักได้ไม่ยากเช่นกัน
สนนราคาอยู่ที่ : 200 ml ราคา 980 เยน
5. คลีนซิ่งออยล์ DHC Deep cleansing oil
คลีนซิ่งแบบออยล์ที่ครองใจสาวๆจำนวนมาก ทำความสะอาดดีเยี่ยมโดยไม่ทำร้ายต่อผิว ส่วนผสมหลักจะเป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์และสารสกัดอื่นๆที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ เครื่องสำอางจะแน่นแค่ไหนกันน้ำแค่ไหนก็บ่หยั่น อันนี้ส่วนตัวแอ๊ดชอบมากกกก ด้วยความเป็นคนขี้เกียจขั้นสุด บอกเรยว่าใช้ตัวนี้ล้างเครื่องสำอางค์ตัวเดียวแล้วจบ..มาสคารากันน้ำที่ว่าแน่ ยังต้องแพ้ DHC Deep cleansing oil นะเธอ
ราคาประมาณ : 200 ml. ราคา 662 เยน
ของทุกชิ้นในที่มาอัพเดทกันนั้น การันตรีว่า เด็ดจิง ถูกจิง ฮิตจิงในญี่ปุ่น แต่ไม่มีขายในไทยจร๊า…. เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งเสียใจกันไป สั่งจากเวปรับหิ้วกันไปโล๊ดดดด…อย่าให้อุปสรรค์อันใดมาขวางความสวยของออเจ้าได้….ตอนนี้พอแค่นี้ก่อน เด๋วแอ๊ดไปหาของดีของเด็ดใหม่ๆมาเม้าท์มอยต่อในครั้งหน้านะแจ๊ะ จุ๊ฟๆๆ
- Published in รีวิวผลิตภัณฑ์
ครัชเกียร์คันแรก จุดเริ่มต้นของนักสะสม Crush Gear
ถ้าพูดถึงการ์ตูนของเล่นที่ประทับในความทรงจำของเด็กยุค ’90s ก็คงมีอยู่ไม่กี่เรื่อง รถแข่งทามิยา…ลูกข่างเบย์เบลด แล้วก็รถแข่งที่ต้องพุ่งชนๆ เสียบๆ กันจนกว่าจะหงายท้องหรือออกนอกสนามไปข้างนึง นั่นก็คือ…ครัชเกียร์!! อย่าไปคำนวนอายุนะ เด๋วรู้หมดว่าคนเขียนอายุเท่าไหร่ 555555+++ เขิลจุง
นับแต่ครัชเกียร์ เทอร์โบ ได้ออกอากาศในประเทศไทยเมื่อปี 2546 ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. (ลิขสิทธิ์โดยการ์ตูน มีเดีย หรือปัจจุบันคือการ์ตูน คลับ มีเดีย) ผ่านมาสิบกว่าปี ชาวไทยก็ได้รับข่าวดีเมื่อการ์ตูนรถแข่งเรื่องนี้จะได้มาฉายทางทีวีอีกครั้ง รอบนี้ฉายทางช่องเวิร์คพอยต์ (ช่อง 23) ลิขสิทธิ์โดยเด็กซ์ และหลายท่านอาจจะไม่รู้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีมังงะตีพิมพ์เป็นภาษาไทยโดยบงกชด้วย และเพื่อตอบสนองติ่งครัชเกียร์ทุกๆคนจึงขอแนะนำมังงะเรื่องนี้พร้อมกับพาคุณผู้อ่านย้อนความทรงจำเกี่ยวกับครัชเกียร์ตัวแรกกันดีกว่า
เรื่องราวของครัชเกียร์ เทอร์โบ เริ่มต้นที่โทบิตะคลับ ค่ายครัชเกียร์แห่งหนึ่งซึ่งกำลังระส่ำระส่าย เนื่องจาก มาริโนะ ยูยะ เด็กหนุ่มเกียร์ไฟเตอร์มือวางอันดับหนึ่งของค่ายเกิดเสียชีวิตกระทันหันก่อนแข่งทัวร์นาเมนต์ระดับโลก เมื่อสูญเสียพี่ชายไป มาริโนะ โคยะ น้องชายแท้ๆ ของยูยะก็มุ่งมั่นอยากสานฝันแชมเปี้ยนของพี่ชายให้ได้ โดยใช้ การูดา อีเกิ้ล เกียร์ที่สืบทอดจากพี่ชายนั่นถือเป็นครัชเกียร์ตัวแรก และยังมีอีกหลายตัวตามมาหลังจากนั้น ซึ่งเดี๋ยวเราจะทะยอยๆนำมาลงให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันนะแจ๊ะ
เรามาดู การูดา อีเกิ้ล ของ Bandai กันดีกว่า จิงๆคอนเส็ปของเจ้าตัวนี้ก็ตรงตัวตามชื่อของมันอะนะ คือ อีเกิ้ล ก็แบบว่าเป็นนกอะก็จะสามารถบินได้นั้นเอง ฉันจะบินๆไปสู่เวหาลั้นลาลั้ลา….ตัวบอดี้จะสีออกฟ้าๆ ติดปีกๆหน่อย ลักษณะพิเศษคือจะมีลักษณะเหมือนนักรบยุโรปหน่อยๆ อาวุธทำลายล้างคือดาบ เวลาที่ล้อหมุนดาบก็จะขยับ วะฮะฮะฮะฮา…..(เอิ่ม..เสียงหัวเราะดูตัวร้ายไปหน่อยเนอะ) การสปินของการูด้า อีเกิ้ล บอกได้คำเดียวว่า สวยงามมมมมม
จะว่าไป การูด้า อีเกิ้ลนั่นคือจุดเริ่มต้น แต่ต่อมา โคยะก็มี Crush Gear ที่เป็นของตัวเองจิงๆ นั้นก็คือ การูดา ฟีนิกซ์ เกียร์ของโคยะซึ่งเคียวสุเกะสร้างให้หลังจากการุดา อีเกิ้ล เสียหายจากการแข่งขันในระดับที่ซ่อมไม่ได้อีก ฟีนิกซ์ถูกพัฒนาให้มีพลังโจมตีรุนแรงและรวดเร็วกว่าอีเกิ้ล เพื่อให้ต่อกรกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง ไกคิ ของมันกันจิได้ ท่าไม้ตายคือ “ไชน์นิ่ง ซอร์ด เบรกเกอร์” คือท่าของบูมเมอแรง นั่นเอง
ทีนี้เรามาดู การูด้า ฟินิกซ์ ของ Bandai กันบ้างนะ เอาจิงๆมันคือร่างที่สองของ การูด้า อีเกิ้ล เพราะฉะนั้นมันก็จะมีความคล้ายกันตรงความเป็นนก ออกแนวบินๆเหมือนกัน แต่ก็จะมีความแตกต่างอยู่หลายจุด อย่างที่แรกก็คือ หน้ากาก เจ้าตัว การูด้า ฟินิกซ์ นั้นจะถูกออกแบบมาให้มีความซับซ้อนกว่า มีครีบฉลามด้านบนยาวไปถึงด้านหลัง และมีสีสันมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวแล้วแอ๊ดชอบมากกว่านะ 5555+++ แบบว่ามันดูเท่กว่าอ่ะ ตัวปีกก็มีขนาดที่ยาวขึ้นแต่แทนที่จะกางเป็นปีกออกมา ตัวฟินิกซ์มีปีกที่แนบข้างลำตัว เพื่อเพิ่มความลู่ลมเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น ตัวโล่ห์ป้องกันที่อยู่ด้านหน้าขนาบข้างกับดาบทั้งสองข้าง ก็จะมีลักษณะแบนออก ตัวดาบของฟินิกซ์ก็จะมีความแตกต่างในเรื่องของความแข็งแรงขึ้น ดาบของฟินิกซ์จะใหญ่กว่า
มาดูกันที่ด้านข้างกันนะครัช ล้อของฟินิกซ์กันบ้าง เรียกว่าต่างกันอย่างโดดเด่นทีเดียว เพราะล้อของฟินิกซ์จะเป็น 4 แฉก โฉบเฉี่ยวมากมายหละตะเองงง หางของฟินิกซ์นี่เหมือนกับหางนกลักษณะเหมือนขนนกเลยทีเดียว รูปร่างของฟินิกซ์จะค่อนข้างอูมเต็มไม้เต็มมือทีเดียว ในส่วนของด้านหลังของฟินิกซ์นั้น ก็มีอาวุธเพิ่มขึ้นมาจากร่างแรก โดยรวมๆแล้ว เจ้า การูด้า ฟินิกซ์นั้น ก็จะแตกต่างจาก การูด้า อีเกิ้ลตรงบอดี้มากกว่า เพราะส่วนอื่นๆก็เหมือนๆกัน อย่างฝาครอบถ่าน ปุ่มเปิด-ปิด เอาเป็นว่า เป็นสองพี่น้องคลานตามกันออกมา ก็จะคล้ายๆกันหน่อยนั่นแหละ
เป็นไงกันบ้างจ๊ะ กับCrush Gear ที่เป็นจุดกำเนิดถือว่าตัวนี้มันคือตำนานเลยน้า…ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละว่า มันยังมีให้คุณได้ติดตามอีกเยอะ เด๋วจะทะยอยๆเอามาคุยกันน้า….
ว่าแล้วก็พร้อมลุยกันแล้วใช่ไหม?
เกียร์ไฟต์ เซ็ตอัพ!
เรดี้……..
โก!!!!!!!!!!
- Published in ถูกใจขาช็อป
สาวกวันพีช ONE PIECE ห้ามพลาด กับสินค้าใหม่ที่กำลังจะออกวางตลาดปี 2018
คงเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า สินค้าวันพีช ONE PIECE เป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คน ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่จากทั่วทุกมุมโลก การ์ตูนวันพีช ONE PIECE เป็นการ์ตูนที่ได้รับการตีพิมพ์ที่สุดในโลก โดยตีพิมพ์ไปมากกว่า 320 ล้านเล่มทั่วโลกระหว่างปี พ.ศ. 2540 ถึงปัจจุบัน จึงทำให้มีตัวละครจากการ์ตูนวันพีช ONE PIECE ออกมามายมายหลายเวอร์ชั่นให้แฟน ๆ ได้สะสมกัน แอดจึงรวบรวมสินค้าวันพีช ONE PIECE ที่กำลังจะออกวางจำหน่ายในปีนี้มาให้เลือกชม เลือกซื้อกันนะจ๊า
One Piece Waso Komachi – Nami
Banpresto กำลังออกไลน์สินค้าใหม่ เรียกว่า Waso Komachi โดย Nami จะสวมชุดกิโมโน และมีให้เลือกทั้งสีชมพู “Standard Color” และ “Special Color” สีเขียว ขนาดสูง 7.8 นิ้ว
เสนอราคาอยู่ที่ ¥ 1,300 เยน โดยมีกำหนดวันวางจำหน่าย เดือนกุมภาพันธ์ 2018
One Piece – Portgas D. Ace III
Ace รุ่นที่สามนี้ สร้างขึ้นโดย King of Artist Series ความสูงประมาณ 7.8 นิ้ว เสนอราคาอยู่ที่ ¥ 1,300 เยนโดยมีกำหนดวันวางจำหน่าย เดือนกุมภาพันธ์ 2018
One Piece – Word Collectable Figure – History Relay 20th Anniversary Volume 4
เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของวันพีช One Piece ได้มีการออกสินค้าใหม่ชื่
โดยเสนอราคาอยู่ที่ ¥ 4,980 เยน โดยจะออกวางจำหน่ายในครึ่งปีแรก 2018
One Piece – Monkey D. Luffy Gear 4 Vol. 1 By Plex
PLEX จะวางจำหน่าย One Piece Archive Collection Gear 4 Vol. 1 ออกมาในชื่อ Monkey D. Luffy ความสูง 36 ซม.เสนอราคาอยู่ที่ 23,760 เยน
กำหนดวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2018
One Piece – Tony Tony Chopper Crimin Ver 20th Anniversary
Megahouse จะออกวางขายสินค้าใหม่ P.O.P (Portrait.Of.Pirates) “Sailing Again” ความสูงโดยประมาณ 8.5 ซม. เสนอราคาอยู่ที่ ¥ 4,256 เยน
กำหนดวางจำหน่ายเดือนมกราคม 2018
One Piece – Nico Robin By Megahouse
Megahouse กำลังจะออกวางจำหน่ายสินค้าใหม่ P.O.P Limited Edition “Nico Robin” ความสูง 8.5 ซม. เสนอราคาอยู่ที่ ¥ 10,098 เยน
โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือน พฤษภาคม 2018
One Piece – Sabo -Fire Fist- Figuarts Zero by Bandai
สินค้าใหม่จาก Bandai ที่กำลังจะออกวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ มีชื่อว่า The Figuarts Zero Sabo – Fire Fist ความสูง 19 ซม. เสนอราคาอยู่ที่ 5,000 เยน
มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนเมษายน 2018
One Piece – Nami 60cm doll by Smart Doll
Smart Doll มีกำหนดวางจำหน่ายสินค้าใหม่ Nami ความสูง 60 ซม. เสนอราคา 73,116 เยน ซึ่งสินค้าได้ออกวางจำหน่ายแล้วในเดือนมกราคม 2018
The Variable Action Heroes Nami Summer Vacation สินค้าใหม่จาก Megahouse ความสูง 16 ซม. เสนอราคา 8,200 เยน
ซึ่งมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2018
One Piece – Knight of the Sea Jimbei P.O.P “SA-Maximum” by Megahouse
P.O.P “SA-Maximum” Knight of the Sea Jimbei สินค้าใหม่จาก Megahouse ความสูง 24 ซม. เสนอราคา 19,980 เยน
มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2018
One Piece – Trafalgar Law -Gamma Knife- Figuarts Zero by Bandai
The Figuarts Zero Trafalgar Law -Gamma Knife สินค้าใหม่จาก Bandai ความสูง 17 ซม. เสนอราคา 4,500 เยน
มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2018
One Piece – Don Quixote Doflamingo [Premium Bandai Exclusive] Standard Color/Ver.B One Piece Archive Collection No. 7 by PLEX
Don Quixote Doflamingo By Plex ความสูง 20 ซม. เสนอราคาอยู่ที่ 23,760 เยน กำหนดวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2018
One Piece – Monkey D. Luffy Another Showing P.O.P Kabuki Edition by Megahouse
P.O.P Kabuki Edition Monkey D. Luffy By Megahouse ความสูง 19 ซม. เสนอราคา 16,799 เยน มีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2018
แอดรวบรวมสินค้าออกใหม่มาให้ได้อ่านกัน หวังว่าคงพอจะเป็นแนวทางให้แฟนคลับวันพีช One Piece ได้หาซื้อมาเก็บสะสมไว้ในครอบครองกันนะจ๊า วันนี้พอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วคราวหน้าแอดจะสรรหาบทความมาให้ได้อ่านกันอีก แล้วอย่าลืมตามมาอ่านกันอีกนะจ๊า \^o^/
- Published in ถูกใจขาช็อป
Gadget ยอดนิยม จากญี่ปุ่นที่เหล่าสาวกต้องตำ…
ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมากที่สุดประเทศหนึ่ง จึงทำให้สามารถผลิตสินค้าต่างๆออกมาได้อย่างมีมาตรฐาน และ มีความล้ำสมัยมากๆ เหล่านักกีฬาจึงชอบเหลือเกินที่จะไปหิ้วข้าวของกีฬาต่างๆ อย่างเช่น รองเท้า ไม่ปิงปอง อะไรประมาณนี้ รวมถึงชาว geek ก็ชอบไปอัพเดทอุปกรณ์ล้ำๆมาไว้ในครอบครองเช่นกัน เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรล้ำๆที่เราควรตามกันบ้าง..let’s go….
1. USB Cooler Cushion ชื่อภาษาไทยไม่มี เอาเป็นว่าขอจำกัดความว่า “เบาะรองตูดเย็น” ด้วยความที่เมืองไทยเป็นเมืองร้อน สำหรับยอดมนุษย์เงินเดือนที่นั่งทำงานทั้งวันจนเหงื่อไหลลงร่องก้น เรียกกว่าเอาซะกางเกงซื้น…น..น..กันเรยทีเดียว มีผลต่อสมองและอารมณ์ คิดงานไรก็ค่อยออก ใครพูดไรไม่ถูกหูก็อาจจะเจอเหวี่ยงได้ เอาเป็นว่า…ลองให้รางวัลกับตัวเองด้วยอุปกรณ์ที่จะเพิ่มความสบายให้กับคุณในการทำงาน อย่างเบาะรองนั่งนี้ เพราะมาพร้อมตัวทำความเย็นที่จะทำให้คุณนั่งเย็นสบายได้ทั้งวัน เวลาเย็นก้นแร้วสมองมันแล่นนะตัวเธออออ…เพียงเสียบสาย USB เข้ากับคอมพิวเตอร์ ซื้อที่ญี่ปุ่นสนนราคาอยู่ที่ $31 หรือประมาณ 950 บาท ในไทยยังไม่เห็นนะจ๊ะตัวนี้ แต่รับฝากหิ้วของจากญี่ปุ่นมาน่าจะได้น้า…..
2. Nintendo Famicom mini และ NES Classic Edition ใครจะไปคิดว่ายุคนี้ เราจะยังตื่นเต้นกับ Gadget ที่จำลองเครื่องเกมโบราณในยุค 80s อย่างเครื่อง Nintendo Famicom ได้ แต่เพราะว่ามันทำออกมาดีนะสิ เราถึงอยากเก็บเป็นของสะสมกัน! Famicom Mini และ NES Classic Edition เป็นเครื่องเกมย่อส่วนจากของจริงที่ออกมาเมื่อ 30 ปีก่อน โดยปรับปรุงระบบให้รองรับกับทีวีรุ่นใหม่ๆ ด้วย จึงมีพอร์ต HDMI และโหมดการปรับภาพที่เลือกได้ว่าจะเลียนแบบภาพจอโค้งในยุคเดิม หรือจะปรับให้คมชัดสูงสุดกับทีวีสมัยใหม่ และยังมาพร้อม 30 เกมชื่อดังในยุคนั้นให้ได้เล่นกัน อย่าง Donkey Kong, Mario 1-3, Zelda 1-2, Rockman 2, Super Contra, Excitebike, Kirby แต่ไม่สามารถเพิ่มเกมใหม่ๆ ลงไปได้ ตัวเครื่องออกมาใน 2 รูปแบบคือ Famicom Mini สำหรับขายในญี่ปุ่นเป็นเครื่องขาว-แดง ที่คนไทยเราคุ้นเคยกันดี มีเกมเฉพาะเครื่องอย่าง Downtown Nekketsu, Solomon’s key ให้เล่น และอีกเวอร์ชั่นคือ NES Classic Edition ก็เป็นรุ่นย่อส่วนของเครื่องที่ขายในยุโรปและอเมริกา มีเกมเฉพาะเครื่องอย่าง Kid Icarus, Punch-Out!!, Castlevania 2 ให้เล่นกันสำหรับราคาขายในต่างประเทศของเครื่องทั้ง 2 รุ่นนี้อยู่ที่ราวๆ 2,000 บาท ส่วนเข้าไทย ราคาก็กระโดดสูงอยู่ ราคาแอบแรงแบบนี้ สั่งหิ้วของจากญี่ปุ่นมาน่าจะถูกกว่า…
3. Thumb-shaped Stylus นวัตกรรมใหม่สุดฮอตฮิตจากประเทศญี่ปุ่น ตอบโจทย์สำหรับคนนิ้วสั้นแต่ชอบใช้โทรศัพท์จอใหญ่ กับเจ้า “นิ้วยักษ์” หรือ “ Thumb-shaped Stylus “ ที่จะช่วยให้ผู้ที่สวมใส่สามารถใช้งานสมาร์ตโฟนจอใหญ่ หรือแท็บเล็ตด้วยมือเพียงข้างเดียวได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม เพียงแค่เรานำมาสวมใส่ที่นิ้วของเราเพื่อขยายขนาดให้ใหญ่และยาวขึ้นอีกถึง 15 มม. ( อุ๊ปส..ส..ส..!!! ไม่เอาหน่า..อย่าคิดลึกสิ !!! ) เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถใช้งานหน้าจอสัมผัสบนมือถือจอใหญ่หรือแท็บเล็ตด้วยมือเพียงข้างเดียวผ่านทางปากกาสไตลัสที่แอบซ่อนอยู่ในนิ้วยักษ์อันนี้ได้แล้วหละ ใส่แร้วก็ไม่รู้สึกรำคาญนะ เพราะน้ำหนักของมันอยู่ที่ประมาณ 11 กรัมและวางจำหน่ายไปแล้วในประเทศญี่ปุ่นด้วยราคา 1480 เยนหรือประมาณ 470 บาทเท่านั้น (ราคาดีต่อใจ)
คำเตือน : ห้ามนำนิ้วเหล่านี้ไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นเป็นอันขาด 😛
4. Coin Bank กระปุกออมสินญี่ปุ่น ต้องบอกว่ามันคงหมดยุคของกระปุกหมูออมสิน ที่บางเดือนก็มีท้องเสีย ตังไหลออกมาบ้าง แอบเอาค้อนมาทุบเบาๆให้พอมีรูไว้แงะบ้าง เพราะตอนนี้มันคือยุคของกระปุกออมสินที่มันขยับได้ มีความน่ารัก มีกลไก ดูมีอะไร ให้รู้สึกบันเทิงทุกครั้งที่หยอดเงิน มีทั้งแบบเป็นสัตว์น่ารักๆๆไว้ใส่เหรียญ ทั้งเครื่องแคชเชียร์(ไว้ใส่แบงค์ได้) มีหลายลายและก็หลายแบบให้เลือกเชียวหละ ทั้งแมวเก็บเหรียญ (เกิดมาเพื่อเอาใจทาสแมวมากกกกกกกกก) สุนักเก็บเหรียญ หรือแม้แต่ ผ.ผ.ผ.ผี….. ยกตัวอย่างเจ้าแมวเก็บเหรียญก็แล้วกัน กลไกจะเป็นตุ๊กตาแมวซ่อนอยู่ในกล่อง เมื่อเราวางเหรียญตรงหน้ากล่องก็จะมีเสียงแมวร้องแล้วออกมาเอามือเก็บเหรียญไป มองยังไงก็ดีต่อใจ ได้ทั้งออมเงิน ได้ทั้งบันเทิง บ่องตงๆ ชิ้นนี้ซื้อเพราะความตั๊ลล๊ากกกกกก
ราคาก็ไม่แรงนะ เราสามารถซื้อกลับมาเป็นของฝาก หรือสั่งจากร้านรับหิ้วของจากญี่ปุ่นเอามามอบให้เป็นของขวัญได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เรยหละ
5. USB Alien with Illuminated Tongue ชิ้นนี้เหมาะมากๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบเกมส์หรือหนังแนวไซไฟ ตัวประหลาด เพราะเป็นตุ๊กตาเอเลี่ยนที่มากับลิ้นตัวอ่อนที่สามารถยื่นออกมากจากปากของเอเลี่ยนได้ พร้อมไฟสีแดงเพิ่มความน่ากลัว ใช้พลังงานผ่านการเชื่อมต่อ USB กับคอมพิวเตอร์ สำหรับเจ้าเอเลี่ยนที่ว่านี้เป็นแก็ดเจ็ตยูเอสบีทีทำเป็นโมเดลของมฤตยู นอกโลกที่ดูร้ายจนต้องทำออกมาเป็นภาพยนต์หลายต่อหลายภาค ซึ่งเมื่อคุณเสียบมันเข้ากับพีซี กลไกภายในจะสุ่มการทำงาน โดยเอเลี่ยนจะเปิดปากออกมาพร้อมกับยื่นชุดเขี้ยวฟันขนาดเล็กออกมา พร้อมแสงสว่างของ LED ที่อยู่ภายในปาก (เสียบเล่นครั้งแรกก็ แอบสะดุ้งอยู่เหมือนกัน 5555 … เออ…แบบว่าน่ากัวดีนะ) ใครที่ชื่นชอบการสะสมแก็ดเจ็ต USB และสาวกเอเลี่ยนไม่ควรพลาด สินค้าสุดเท่ชิ้นนี้ ร้อนแรงมากที่ญี่ปุ่น สำหรับตัวเอเลี่ยนก็ทำออกมาได้สวยมากๆ ขยับแขนขา เปลี่ยนท่าทางได้ ตั้งบนโต๊ะทำงานของคุณสักตัว รับรองมีคนทักแน่ๆๆ เพราะมัน เกร๋มากๆๆๆ
ใครที่เป็นขา shop ของแนวเทคโนโลยี่ หรือ ชอบสะสม gadget ต่างๆ ต้องบอกว่า เตรียมกระเป๋าตังค์ของคุณให้ดีๆ เพราะที่ญี่ปุ่นมีแต่ของน่าซื้อทั้งนั้น สมแร้วมีงบประมาณสำหรับลงทุนในงานวิจัยสูงถึง 130 ล้านล้านดอลล่าร์ต่อปี หรือเกือบ 4,000 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นสามารถพัฒนาคิดค้นเทคโนโลยีล้ำๆ ออกมามากมาย รวมถึงการออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่และสะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวันอีกด้วย ทางที่ดีคุมงบก่อนการเดินทางดีกว่านะแจ๊ะ แร้วจะหาว่าเก๊าไม่เตือนนนนนน…..
- Published in ถูกใจขาช็อป
อัพเดทไอเทมขนมญี่ปุ่นสุด hot ไม่ซื้อถือว่าพลาด…
คนเราเวลาสุขก็กิน เวลาทุกข์ก็กิน สรุป ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ก็ขอให้ได้กินไว้ก่อน เพราะความสุขมันเกิดขึ้นง่ายๆ แค่เราได้หยิบของอร่อยเข้าปาก ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว ขนมค่ะขนมเท่านั้นที่เราต้องการ ยิ่งช่วงวันแดงเดือดดดด อยากให้เราอารมณ์ดีต้องจัดขนมมาให้หนักค่ะ เพราะว่าเราจะกินจุ๊บจิ๊บ ถ้าเราอ้วนต้องบอกว่า ไม่เห็นอ้วนเรย ใครบอกว่าอ้วน ในสายตาของคุณผู้ชายต้องมีแต่คำว่าน่ารักเหมือนเดิมเท่านั้น!!! โอเคร๊?? เรามาเริ่มกันเรยดีกว่าเนอะ
1. Jaga Pokkuru มันฝรั่งทอดกรอบจากฮอกไกโด เรียกว่ามันคือเฟรนฟรายดีๆนี่เอง 555+++ สะดวก ทานอร่อย ฉีกซองแร้วนั่งกินได้เรย มันอยู่ในทั่วทุกสารทิศในร้านขายของฝากที่ฮอกไกโด เพราะนักท่องเที่ยวต่างชื่นชอบและซื้อกลับไปเป็นกระบุง เอาจิงๆนะ ตอนที่ไป เพื่อนๆฝากซื้อกันที 10 กล่อง (มีแอบด่าเบาๆ) แต่ก็เข้าใจอะ เพราะมันอร่อยจิงจัง กินเล่นๆก็เพลิน กินแกล้มเบียร์ก็เริ๊ด โอ๊ยยยยยยมันดีงามมมมม
2. Tokyo Banana อันนี้เป็นขนม make a hit เชื่อเหอะ ซื้อไปไม่ผิดหวัง มีทั้งแบบนุ่นกับแบบกรอบ มันเป็นขนมสอดไส้นะ มีหลายไส้ รสหวาน หอมกลิ่นกล้วย นุ่มมมมม อร่อยยยย ส่วนตัวชอบแบบกรอบ มันกรอบๆแบบคุกกี้ หอมกลิ่นกล้วยเหมือนอันนุ่ม สอดไส้ครีมเหมือนกัน คืออร่อยอ่ะ ยิ่งแช่ในตู้เย็นนะ เอามากินเย็นๆ หมดกล่องไม่รู้ตัว 555+++ บอกเรยว่าหมดเร็วมาก ถ้าหมดแร้วอยากได้เพิ่ม ก็สั่งเอาจากร้านรับหิ้วของญี่ปุ่นได้ จัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบ
3. Shitoi Koibito เป็นคุกกี้แผ่นบางๆสอดไส้จากฮอกไกโด ขนมนี้ถุกทำขึ้นที่ Ishiya Chocolate Factory ซื่งตอนนี้ถูกจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย ถ่ายรูปได้มหาศาล 5555+++ ยิ่งถ้าไปข่วงใกล้ปีใหม่ ที่นี่จะจัดสถานที่ไว้น่ารักมากๆๆ เข้าเรื่องๆๆ มาเรื่องขนมของเรากัน คุกกี้ตัวนี้ มี 2 รสชาติให้เลือกอร่อย มีรสไวท์ช๊อค รสมิลค์ช๊อคโกแลต มี 2 ขนาดนะ เราซื้อแบบกล่องใหญ่มา เพราะมันรวม 2 รสในกล่องเดียว เป็นกล่อง 24 ชิ้น (รวม 2 รสชาติ) ราคา 1,522 เยน เป็นขนมที่มีรสชาติผู้ดี้ผู้ดีที่เหมาะกับทานกับน้ำชาเป็นอย่างมาก แนะนำให้แช่เย็นก่อนทานจะทำให้อร่อยแซ่บบบบยิ่งขึ้นไปอีก
4. ROYCE’ Potatochip Chocolate จิงๆแล้วช๊อคโกแลตยี่ห้อนี้เราโง่มาตั้งนานคิดว่ามันเป็นของฝรั่ง 555++ จิงๆแล้วหลายคนก็อาจจะยังไม่รู้เหมือนเราชิมิหละ ว่าแท้จริงแล้ว ROYCE’ คือผู้ผลิตผลิตช็อกโกแลตจาก เมืองฮอกไกโดที่เลือกใช้วัตถุคุณภาพสูงอันเป็นผลผลิตของเมืองฮอกไกโดมาใช้ในกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นโกโก้ ถั่ว นม เนยหรือข้าวสาลี และเจ้าผลิตภัณฑ์จาก ROYCE’ ถือเป็นของฝากยอดฮิตที่หลายคนนิยมซื้อกลับบ้านไปหลังจากทริปเที่ยวญี่ปุ่น ตอนนี้ ROYCE’ ยังมีอีกหนึ่งสินค้ายอดฮิตที่ชื่อว่า Potatochip Chocolate มันฝรั่งเคลือบช็อกโกแลตแสนอร่อย โดยมีรสชาติกรอบหอมหวานๆเค็มๆผสมผสานกันอย่างลงตัว ซึ่งผลิตจากมันฝรั่งแท้คุณภาพเยี่ยมจากฮอกไกโดมีหลายรสชาติให้เลือก มีรสชาติให้เลือก เราซื้อที่สนามบินตอนขากลับ ราคากล่องละ 778 เยน เอามาหลายรสอยู่ มีทั้ง ไวท์ช๊อค มีรส เหมือนผลมเหล้ารัมด้วย แต่รสที่ชอบสุดคือรส ออริจินัล หวานๆ เค็มๆ กรอบๆ 555++ เรียกว่าได้ตัวนี้มา ยอมน้ำหนักขึ้นเรยอ่ะ ตอนนั้นซื้อมาลองแค่อย่างละ 1 กล่อง โชคดีที่สั่งร้านรับหิ้วของจากญี่ปุ่นได้ สบายเรยตอนนี้มีติดตู้เย็นตลอด ชีวิตดี๊ดี..
5. Pocky รสชาติ เฉพาะที่ญี่ปุ่น ถือเป็นรสชาติ exclusive ป๊อกกี้เป็นขนมที่เราต่างก็คุ้นเคยและได้ลิ้มลองกันมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งป๊อกกี้เองก็เป็นขนมที่มีหลากหลายรสชาติ ขนาดในบ้านเราก็มีมากกว่า 3 รส แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นนั้นมีมากกว่า 10 รสเลยทีเดียว อย่างที่เราเห็นกันอยู่นี้คือ Jimoto Pocky ป๊อกกี้ที่ใช้ผลผลิตทางเกษตรแสนอร่อยของญี่ปุ่น แรงบันดาลใจในการคิดค้นรสชาติ Jimoto Pocky นี้มาจากผลผลิตทางเกษตรแสนอร่อยที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น สตรอเบอร์รี่จากคิวชู ชาเขียวพันธุ์ Uji Tea ของดีจากคันไซ เมล่อนแสนหวานหอมของฮอกไกโด องุ่นลูกโตพันธุ์ Shinshu รวมไปถึงงมันหวานโกโรจิมะ ของดีจากโฮคุริคุ และเชอร์รี่ซาโตะ นิชิกิ ของดีจากภูมิภาคโทโฮคุ กลายเป็นป๊อกกี้ 6 รสชาติน่าลิ้มลอง ในไทยไม่มีนาจา อยากกินต้องที่ญี่ปุ่นเท่านั้น หรือไม่ก็สั่งเอาจากร้านรับหิ้วของจากญี่ปุ่นเอาละกันจร๊า..
6. KitKat Shinshu Apple Limited Edition คิดจะพัก คิดถึงคิดแคท 555+ ตัวนี้เป็น Must have item ! คิทแคทรสแอปเปิ้ลนี้ นางมีความเป็น Limited Edition สูงมาก เพราะ “แอปเปิ้ลพันธุ์ Shinshu” เป็นผลไม้ที่ฮอตสุดๆของจังหวัดนากาโนะ ถ้าคิทแคทไม่ชวนนางมา featuring กับช็อคโกแลตในสังกัดแล้วละก็ คงจะเป็นไปไม่ได้ ในส่วนของรสชาตินั้นนนนน บอกเรยมีความแอปเปิ้ล มีความช็อคโกแลต มีความเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อแฮะ รสชาติจะเป็นช็อคโกแลตปกติแต่หวานขึ้นมาหน่อยและมีกลิ่นหอมของแอปเปิ้ลที่โดดขึ้นมาอย่างชัดเจน และยิ่งเป็นคนชอบแอปเปิ้ลอยู่แล้ว ยิ่งติดใจในความฮอตของนางเลยเลยทีนี้ คิดแคทตัวนี้หายากหน่อยไปเดินๆดูที่สนามบินก็ไม่เห็น หรือรีบเดินก็ไม่รู้นะ ถ้าใครอยากลองลิ้มชิมรส ร้านรับหิ้วยังมีนะแจ๊ะ
7. โคโรโระ (Kororo) ซอร์ฟแคนดี้รสผลไม้ 100% ภายนอกหนึบหนับเคี้ยวเพลิน ภายในอ่อนนุ่มหวานรสผลไม้ ได้ลองแล้วจะลืมไม่ลงเลยทีเดียว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ซื้อกันที 10 – 20 ห่อ แล้วพวกเราล่ะจะพลาดได้ไงพอไปถึงเมื่อเจอ ซื้อ 1 ห่อ แกะชิมทันทีค่ะ ถ้ามันอร่อย ก็ค่อยซื้อกลับมาฝากคนที่บ้าน คือมัน อร๊อยอร่อย อ่ะคุ๊ณ เยลลี่รสองุ่น ที่มีรูปทรงเหมือนเม็ดองุ่น ทำมาเม็ดนิ่มๆ เนื้อไม่เหนียวเกินไป รสองุ่นอัดแน่น รสอื่นๆก็อร่อย สนนราคาที่ ตั้งแต่ 100-140 เยน ต่อห่อ แร้วแต่เราไปซื้อที่ไหน คือแบบเจอก็ซื้อๆอะ กินไปด้วยตลอดทริป เคี้ยวเพลินเกิ๊น..!!
ฝากกันไว้เท่านี้ก่อน จัดแบบคุณภาพเน้นๆๆ ความอร่อยมาเต็ม เรื่องน้ำหนักขึ้นไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้พุ่งทะยานเป็นงูเหลือมอิ่มหมาเป็นที่เรียบร้อย แต่ใช่ว่าจะทำให้เราหยุดสรรหาขออร่อยมาสนองความอยากของปากได้ 555++ เรยเอามาแชร์ต่อ ให้ทุกๆคนได้สัมผัสประสบการณ์ตัวแตกเช่นเดียวกัน เอาเป็นว่า ขอให้มีความสุขกับทุกคำที่หยิบเข้าปากก็แร้วกันนะจ๊ะ จุ๊ฟๆๆ จ๊วฟๆๆ
- Published in ถูกใจขาช็อป